เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (8/11/2016) Facebook ได้ประกาศเปิดตัวโฆษณารูปแบบใหม่ โดยอนุญาตให้ผู้ลงโฆษณาที่มีหรือไม่มีฟังก์ชั่น Messenger bot สามารถดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาแชทกับแบรนด์ได้ ผ่านโฆษณา (Sponsored Post) ที่ปรากฏบนหน้า News Feed โดยโฆษณารูปแบบใหม่นี้ไม่ได้มีความแตกต่างจากเดิมมากนัก เพียงแต่มีปุ่ม "ส่งข้อความ" (Send Message) แทนที่ลิงก์ที่คลิกไปยังเว็บไซต์ของผู้ลงโฆษณาโดยตรง

เป็นการตอกย้ำว่าการโฆษณาในรูปแบบนี้ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถโฆษณาและแฝงการสนทนาแบบเปิดได้ภายในแพลตฟอร์มนี้ โดยเป็นความพยายามที่จะเชื่อมต่อกับผู้ใช้งานที่เคยแชทกับแบรนด์มาก่อน ซึ่ง Facebook พยายามที่จะป้องกันการโฆษณาไม่ให้มากเกินไปจนดูเหมือนเป็นสแปม โดยจำกัดการโฆษณาไปยังผู้ใช้งานที่เคยแชทกับแบรนด์มาก่อน และยังคงรักษาสิทธิ์ของผู้ใช้งานในการบล็อคข้อความได้อีกด้วย

หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา ตอนที่ Facebook ได้เปิดตัวฟังก์ชั่น Facebook Bot ให้แต่ละแบรนด์ใช้งานบน Messenger สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้ลงโฆษณาต่างกังวลก็คือ จะทำอย่างไรให้ผู้ใช้งานสามารถหาสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ง่าย เพราะแม้การเริ่มต้นบทสนทนาด้วยบอทนี้ ทำให้การส่งข้อความถึงผู้ใช้เป็นเรื่องง่ายก็จริง แต่ปัญหาก็คือ หลังจากที่เริ่มต้นบทสนทนาแล้ว การที่จะเสนอสินค้าหรือบริการให้ตรงความต้องการของผู้ใช้ในทันทีนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ

หลังจากที่ได้เปิดตัวฟังก์ชั่นดังกล่าวมาแล้ว 6 เดือน การโฆษณารูปแบบใหม่นี้คือความพยายามของ Facebook ในการที่จะช่วยแก้ไขปัญหา โดยค้นพบความต้องการของลูกค้าได้ในคราวเดียวกัน ถือเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของฟังก์ชั่นนี้ด้วยการให้บอทสามารถทำกำไรให้กับแบรนด์ได้ ซึ่งตอนนี้ Facebook ยังไม่ได้มีการเรียกเก็บค่าบริการใดๆ

การเปิดบริการใหม่นี้ เป็นผลจากการเพิ่มชุดเครื่องมือของ Facebook ในการรวบตึงให้โลกโซเชียลและชีวิตประจำวันของผู้บริโภคอยู่ภายใต้แพลตฟอร์มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งให้ Messenger สามารถลงตารางนัดหมายได้ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถจัดการตารางเวลาได้ดียิ่งขึ้น และการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างนี้ จะทำให้ Facebook สามารถประเมินผลได้ง่าย รวมถึงสามารถทำกำไรให้บริษัทได้ดีกว่าเดิม

เป็นที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับฟีเจอร์ดังกล่าว ซึ่งจะช่วยให้แต่ละแบรนด์ในเมืองไทยสามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้อย่างทันท่วงที แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าในเมืองไทยจะมีฟีเจอร์นี้ให้ใช้งานหรือไม่ แต่ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีสำหรับการทำโฆษณาในรูปแบบใหม่ ซึ่งจะทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็ว