ฮาวเวิร์ต ชูลท์ซ CEO แห่งสตาร์บักส์ประกาศเตรียมวางมือจากตำแหน่งเร็วๆ นี้
2 ธันวาคม 2559

 

นายฮาวเวิร์ต ชูลท์ซ (Howard Schultz) ผู้บริหารร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ Starbucks ประกาศเตรียมวางมือจากตำแหน่งในปีหน้า โดยนายชูลท์ซนั้นจะขึ้นไปเป็นประธานกรรมการบริหาร เพื่อทำหน้าที่ในการปั้นแบรนด์ Starbucks ให้เป็นแบรนด์ลักซ์ชัวรี่เพิ่มมากขึ้น พร้อมให้นายเควิน จอห์นสัน (Kevin Johnson) ซึ่งเป็นเบอร์ 2 ของบริษัทที่เข้ามาอยู่ในบอร์ดบริหารมาได้ 7 ปี เข้ามาทำหน้าที่แทน

 

เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่นายชูลท์ซได้เข้ามาทำงานในสตาร์บัคส์ ตั้งแต่ปีค.ศ. 1982 และลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารในปีค.ศ. 2000 ก่อนที่จะกลับเข้ามาอีกครั้งในปี ค.ศ. 2008 จากผลประกอบการของบริษัทนั้นได้แสดงให้เห็นว่าการมีอยู่ของเขา ทำให้สตาร์บัคส์สามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว

 

นายชูลท์ซได้กล่าวในแถลงการณ์ของเขาว่า การที่สตาร์บัคส์มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมค้าปลีกเสมอมาได้นั้น เป็นเพราะร้านค้า, การนำเสนอ รวมถึงประสบการณ์ที่พาร์ทเนอร์ของเราได้สร้างให้กับลูกค้า ทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้ในที่สุด นอกจากนี้เขายังได้กล่าวต่อไปอีกว่า สตาร์บัคส์จะยังคงเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การควบคุมของนายจอห์นสัน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาเหมาะสมอย่างยิ่ง

 

อย่างไรก็ตาม จากรายงานล่าสุดได้พบว่าสตาร์บัคส์นั้นได้เผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านของพฤติกรรมผู้บริโภค และแรงต้านทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยนายชูลท์ซได้แสดงทรรศนะต่อเรื่องดังกล่าวว่า เป็นเพราะความนิยมในการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคไม่เดินทางออกจากบ้าน และออกไปซื้อสินค้าจากหน้าร้านลดน้อยลง นำมาซึ่งเหตุผลของการวางมือจากตำแหน่ง CEO ในครั้งนี้ ด้วยการผันตัวเองไปทำหน้าที่ในส่วนของการพัฒนานวัตกรรม, การออกแบบและพัฒนาสินค้าของสตาร์บัคส์ให้อยู่ในระดับไฮเอนด์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เช่นเดียวกับในครั้งที่บริษัทได้เริ่มก่อตั้งขึ้น

 

ฮาวเวิร์ต ชูลท์ซ = สตีฟ จ๊อบส์ แห่งวงการกาแฟ

 

หากสตีฟ จ๊อบส์ คือผู้ทีเปลี่ยนแปลงโลกของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แล้ว ฮาวเวิร์ต ชูลท์ซนั้นก็ไม่ต่างกันสำหรับโลกของกาแฟ เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าด้วยการดำเนินธุรกิจภายใต้การควบคุมของชูลท์ซนั้น ได้เปลี่ยนวิถีของการดื่มกาแฟไปโดยสิ้นเชิง โดยในช่วงที่เขาเป็นผู้บริหารในครั้งแรกนั้น ได้ทำให้สตาร์บัคส์มีร้านค้ากว่า 25,000 สาขา ใน 75 ประเทศทั่วโลก แต่หลังจากที่เขาวางมือไป สตาร์บัคซ์ก็ต้องพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในปีค.ศ. 2008 ทำให้นายชูลท์ซต้องกลับเข้ามาอีกครั้ง และสามารถกอบกู้บริษัทกลับมาได้ในที่สุด เช่นเดียวกับที่สตีฟ จ๊อบส์ ได้เข้ามากู้สถานการณ์ของ Apple นั่นเอง

 

นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าใจหาย และน่าจับตามองอย่างยิ่ง กับการผันตัวของชูลท์ซในครั้งนี้ ซึ่งในอนาคตเราอาจได้เห็นผลิตภัณฑ์ รวมถึงบริการใหม่ๆ จากสตาร์บัคส์เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการกุมบังเหียนโดยเควิน จอห์นสัน ซึ่งเราอาจได้เห็นมุมมองในการบริหารที่แปลกใหม่จากเขาในเร็ววันนี้

กำลังเชื่อมต่อ