ถ้าหากเราเป็นเซลส์ขายสินค้าอย่างรถยนต์ หรือตู้เย็น สิ่งที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจคงจะเป็นบริการที่ดีเยี่ยม การจัดโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถมมากมาย แต่ถ้าสินค้าของเราลอยอยู่บนอากาศล่ะ?
หนทางที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจ นอกจากการสร้างสรรค์ผลงานที่ดีและมีคุณภาพ ก็คงเป็นการใส่ใจในรายละเอียดและการสร้างความแตกต่าง
ซึ่งในการแข่งขันกันระหว่างฟรีแลนซ์ในยุคนี้ก็แสนจะดุเดือด แล้วจะทำอย่างไรให้ลูกค้าประทับใจ จนทำให้จากลูกค้าขาจร กลายมาเป็นขาประจำ ซึ่งในวันนี้ FreelanceBay มีทริกเล็กๆ น้อยๆ 7 ข้อ มาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ
1.ช่วยวิจารณ์แนะนำงานให้
เราสามารถออกไอเดียหรือให้ข้อเสนอแนะแก่งานของลูกค้าได้เป็นครั้งคราว เพราะบางทีงานของลูกค้าอาจมีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างที่ลูกค้ามองข้ามไป เช่น ข้อมูลผิดพลาด, Bug (จุดบกพร่อง) , สีสันที่ฉูดฉาดหรือจืดชืดเกินไป ฯลฯ ข้อผิดพลาดต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสามารถแนะนำให้แก่ลูกค้าได้ทันที
เพราะคำแนะนำเหล่านั้นล้วนถูกกลั่นกรองมาจากความสามารถและประสบการณ์ที่เราสั่งสมมา เพียงแต่พึงระลึกไว้เสมอว่าคำแนะนำและวิจารณ์นั้นควรเป็นไปอย่างสุภาพ เพราะบางครั้งลูกค้าอาจจะเป็นหน้าใหม่ในวงการ ซึ่งงานก็อยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และจำไว้เลยว่าไม่มีอะไรจะดีไปกว่าคำวิจารณ์ที่ดี ซึ่งจะทำให้งานดียิ่งๆ ขึ้นไปอย่างแน่นอน
2. อัพเดทสถานะงานเสมอ
อย่ารอให้ลูกค้าถามไถ่ แต่ควรอัพเดทสถานะงานว่าอยู่ในขั้นตอนใดอยู่เสมอ เราคงไม่ชอบใจนักหากเวลาร่วมงานกับคนอื่นแล้วไม่รู้ว่างานอยู่ในสถานะไหน อะไรที่ทำเสร็จแล้วหรือยังไม่เสร็จ ลูกค้าก็เช่นกัน อย่ากลัวว่าการอัพเดตสถานะงานจะเป็นการรบกวนลูกค้า เพราะตารางขั้นตอนการทำงานเป็นสิ่งที่ลูกค้าปรารถนา
ฟรีแลนซ์บางคนอาจสนใจแต่ในขั้นตอนการจ่ายเงิน แต่อย่าลืมไปว่าก่อนการจ่ายเงินจะมาถึง สถานะของงงานต้องมีการอัพเดทอยู่เสมอเพื่อให้ลูกค้าไม่มืดแปดด้านว่าสรุปแล้วงานไปถึงไหนแล้ว ขั้นตอนต่อไปคืออะไร หรือเรากำลังทำอะไรกันอยู่
3. ตรวจแก้คำผิด , หาข้อผิดพลาด
นี่ไม่ใช่วิธียากเย็นอะไรเลย ไม่ว่าเราจะเป็นฟรีแลนซ์สายไหน จะทำเว็บไซต์ งานออกแบบ หรือเขียนบทความ แต่ความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ หากเราใส่ใจงานของพวกเขาเหมือนกับงานของตัวเอง ไม่ปล่อยผ่านกับอะไรง่ายๆ เช่น การสะกด, การเว้นวรรค, เคาะ, การใช้คำศัพท์ผิด, หรือ การแสดงผล สี หรือภาพที่ผิดเพี้ยน เป็นต้น เมื่อพบเห็น ก็รีบแจ้งกันโดยทันทีก่อนที่งานนั้นๆ จะถูกเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณชน การตรวจแก้ให้ลูกค้าเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราแคร์ ถึงจะใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีกนิดเดียว แต่ซื้อใจลูกค้าได้อีกมาก รับรองว่าสิ่งที่จะได้กลับมานั้นจะคุ้มแสนคุ้ม
4.ส่งลิงค์หรือบทความ ความรู้ ที่เกี่ยวข้องให้ลูกค้า
ไม่ว่าลูกค้าของเราจะเป็นมือใหม่ หรือมือฉมังในวงการ แต่ความรู้ในแวดวงก็สำคัญเสมอ ซึ่งความรู้นั้นมีอยู่ทุกๆ ที่ หากเราเจอข้อมูล ความรู้หรือบทความอะไรก็ตาม ที่น่าจะมีประโยชน์ต่อธุรกิจของลูกค้าเรา ก็อย่าลืมแชร์ให้กับพวกเขาด้วย เพราะถึงยังไงเราก็หาความรู้ในแวดวงอาชีพของเราอยู่บ่อยๆ เพื่ออัพเดตข้อมูลข่าวสาร และความรู้ต่างๆ อยู่แล้ว
เพราะยิ่งกว่าการเป็นฟรีแลนซ์ที่ทำงานได้ คือการเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้า หากเจออะไรที่น่าจะเป็นประโยชน์ ก็แบ่งปันแก่พวกเขา เพราะมันแสดงถึงความปรารถนาดี และใจที่ต้องการจะช่วยเหลืออย่างแท้จริง
5. ชื่นชมลูกค้า
หากเราเจออะไรที่เจ๋งๆ หรือครีเอทสุดๆ จากงานของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นผลงานเก่าๆ หรือไอเดียต่างๆ ของพวกเขา อย่าลังเลที่จะชมเชยหรือบอกให้เขารู้ เพราะ คงไม่มีใครไม่ชอบที่จะได้รับการชื่นชมแน่นอน
ยิ่งมาจากคนที่มีความรู้ในวงการนั้นๆ อย่างเราแล้วด้วย ยิ่งจะเป็นการซื้อใจลูกค้าได้เลยทีเดียว แต่ต้องชมด้วยความจริงใจนะ เพราะคนเราก็ดูกันออกแน่ๆ อยู่แล้วแหละว่าอะไรจริง อะไรปลอม
6.บอกกลยุทธ์และวิธีการทำงานของเรา
ความเข้าใจผิดระหว่างกันเกิดขึ้นได้เสมอ การที่เราเข้าใจในงานของตัวเองอย่างแจ่มแจ้ง ไม่ได้หมายความว่าลูกค้าจะเข้าใจไปกับเราด้วย หรือฟรีแลนซ์แต่ละคนก็มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเราควรบอกเขาเสมอถึงสิ่งที่อยู่ในหัวเรา
อย่าให้มันแค่ลอยอยู่ในหัว แต่จงเปล่งมันออกไปซะ เพราะสิ่งที่ผิดพลาดใหญ่ๆ ก็คือการไม่คุยกัน อย่าให้ข้อผิดพลาดที่แค่ไม่เคลียร์กันแบบนี้ มาทำลายงานของเราและลูกค้าเลย
7. ฟัง ฟัง ฟัง!
ช่างเป็นคำแนะนำที่สุดคลีเช่ (cliché) คือมันเกร่อเหลือเกิน แต่มันก็แสนจริง เพราะคนที่ลูกค้าอยากได้ยินที่สุดก็คือตัวเขาเองนั่นแหละ ฉะนั้น ฟังลูกค้าให้มากๆ ทำความเข้าใจกับความต้องการของเขา
พร้อมกับให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนพูดค้าขายต่อรองไม่เก่ง แต่ถ้าเราเป็นผู้ฟังที่ดี เชื่อว่าลูกค้าก็ต้องประทับใจ กลายมาเป็นลูกค้าประจำกันไปอีกนาน
ทริกต่างๆ ทั้ง 7 ข้อที่ FreelanceBay เอามาฝากเพื่อนๆ เหล่านี้ หากได้นำไปปรับใช้แล้ว เชื่อได้เลยว่าลูกค้าขาจรก็จะกลายมาเป็นลูกค้าขาประจำอย่างแน่นอน ซึ่งจะมีอะไรดีไปกว่าการมีลูกค้าประจำส่งงานให้กันเรื่อยๆ เพราะเราคงไม่อยากวิ่งหาลูกค้าไปเรื่อยๆ หรอกเนอะ