ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสำหรับงานฟรีแลนซ์แล้วนั้น การมีชื่อเสียงที่โด่งดัง เป็นที่รู้จักกับคนทั่วไปในระดับหนึ่ง (หรืออย่างน้อยก็ในวงการที่คุณทำงานอยู่) นั้นเป็นสิ่งที่ช่วยอัพค่าตัวของเราให้สูงขึ้นได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งจะเห็นได้ว่าในปีที่ผ่านๆ มานั้นได้มีแบรนด์ที่เป็นบุคคล (Personal Brand) เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก (ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน ก็คือเพจต่างๆ บนหน้า Facebook) เรียกได้ว่าล้นโลกโซเชียลจนทุกๆ แบรนด์นั้นแทบจะดูเหมือนๆ กันไปหมด ทำให้ปี 2017 นี้เราต้องกลับมานั่งทบทวนกันอีกครั้งว่าแนวทางในการสร้าง Personal Brand ของเรานั้นมาถูกทางหรือไม่ เพราะลำพังเพียงแค่การค้นหาข้อมูลสินค้า หรือบริการไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว แต่ผู้คนยังค้นหาข้อมูลในระดับที่ลึกกว่านั้น ก็คือข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวคุณนั่นเอง
แม้ว่าในปี 2017 นี้ แนวทางในการสร้าง Personal Branding อาจเป็นสิ่งที่ดูยุ่งยากมากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะลูกค้าแต่ละรายนั้นเริ่มมองหาข้อมูลในเชิงลึก และมีความเฉพาะเจาะจงมากกว่าเดิม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปนัก หากเรารู้วิธีการรับมือที่ถูกต้อง ซึ่ง FreelanceBay ได้มีทิปส์ 4 ข้อสำหรับการสร้าง Personal Branding ในปี 2017 มาฝากเพื่อนๆ กัน
1. นิยามความเป็นแบรนด์ของตัวเอง
สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการสร้างแบรนด์นั้นก็คือ เราต้องการให้คนอื่นรู้จักเราในแบบไหน เช่น หากเราต้องการให้ลูกค้ารู้จักความสามารถของเรา ค่านิยม - ทัศนคติ ความรู้หรือประสบการณ์ชีวิต ต่างๆ เหล่านี้ ยิ่งคุณนิยามตัวตนของคุณได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้คุณสามารถโฟกัสไปในสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้ดียิ่งขึ้น มากกว่าการที่คุณล่องลอย ไม่ได้กำหนดอะไรให้ชัดเจนเลย
ซึ่งเป้าหมายของการนิยามตัวตนของแบรนด์ให้ชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่มนั้น ก็เพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ของคุณในระยะยาว ทำให้คนอื่นๆ สามารถแยกแบรนด์ของคุณออกจากคนอื่นๆ ได้ไม่ยากเย็นนักนั่นเอง
2. จดทะเบียน Domain Name
หลังจากที่กำหนดทิศทางที่แบรนด์ของคุณตั้งใจจะนำเสนอแล้ว การสร้างเว็บไซต์ และจดทะเบียนโดเมนเนม (Domain Name) ให้กับเว็บไซต์ของคุณ ก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่ละเลยไปไม่ได้เช่นเดียวกัน โดยเริ่มต้นจากการสร้างเว็บไซต์ของตัวเองก่อน ซึ่งในปัจจุบันก็มีเครื่องมือสำหรับการสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปอย่าง Wordpress หรือ Joomla ช่วยให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้ง่ายๆ หลังจากนั้นจึงตั้งชื่อโดเมนให้กับเว็บไซต์ ซึ่งชื่อโดเมนที่ดีนั้นควรจะสื่อถึงแบรนด์ของคุณให้เป็นที่จดจำได้ง่าย โดยประกอบด้วยคำสำคัญ (Keyword-rich) ที่ลูกค้าน่าจะใช้ค้นหาคุณจากเว็บไซต์ Search Engine เพื่อให้พวกเขาหาคุณเจอได้ง่าย นอกจากนี้ คุณควรเลือก domain name extension ที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น .com, .net เพื่อช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณอีกทางหนึ่ง
3. เลือกช่องทางการสื่อสารที่ถูกต้อง
แม้ว่าโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook นั้นจะเป็นช่องทางการสื่อสารยอดนิยมสำหรับหลายๆ แบรนด์ก็จริง แต่การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองนั้นกลับมีความยืดหยุ่นมากกว่า ทั้งยังสามารถควบคุม และสร้างการรับรู้ได้ (Awareness) สูงกว่าการใช้โซเชียงมีเดียเพียงอย่างเดียวเสียอีก ทั้งนี้เพราะกลุ่มเป้าหมาย (Audience) ของแต่ละช่องทางนั้นมีจุดประสงค์ในการเข้ามาเยี่ยมชมที่แตกต่างกัน และช่องทางการสื่อสารในแต่ละแพล็ตฟอร์มนั้นก็มีจุดเด่น - จุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่องทางการสื่อสารที่ถูกต้อง และนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่องทาง ก็จะทำให้เราเป็นที่รู้จักของกลุ่มเป้าหมายได้ไม่ยากนัก
4. มีความต่อเนื่องในการสื่อสาร
"ความต่อเนื่อง" คือกุญแจสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้กับผู้บริโภคหรือลูกค้าได้ในระยะยาว เช่นเดียวกันกับแบรนด์ชื่อดังทั่วไป ที่ให้ความสำคัญกับการเลือกข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่จะสื่อสารกับผู้บริโภคอย่างระมัดระวัง โดยพิจารณาจากการดำเนินธุรกิจในทุกๆ แง่มุม ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับการสร้าง Personal Brand ได้เช่นเดียวกัน โดยพิจารณาจากช่องทางการสื่อสารที่มี และกลุ่มเป้าหมายที่ติดตามเราในช่องทางนั้นๆ เพื่อออกแบบสารให้เหมาะสมกับผู้รับสารในแต่ละช่องทาง นอกจากนี้แล้วปริมาณของข้อมูลที่ส่งไปถึงผู้ติดตามนั้นก็มีความสำคัญไม่น้อย เพราะปริมาณที่มากเกินไปนั้นก็อาจทำให้ผู้รับสารเกิดความรำคาญได้เช่นเดียวกัน
ทั้งหมดนี้ก็เป็นแนวทางสำหรับการสร้าง Personal Brand ในปี 2017 ที่ FreelanceBay คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับชาวฟรีแลนซ์หลายๆ คน ทั้งที่เป็นมืออาชีพ และฟรีแลนซ์หน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น สำหรับการสร้างโปรไฟล์ให้เป็นที่รู้จักนั้น นอกจาก Facebook Fanpage แล้ว เว็บไซต์ FreelanceBay ของเราก็เปิดพื้นที่ให้ฟรีแลนซ์ทุกคนได้เข้ามาสร้างโปรไฟล์ได้เช่นเดียวกัน ลองสมัครสมาชิกเข้ามาใช้งานกันได้เลย