อาจจะยังมีหลายคนที่ยังคิดอยู่ว่าฟรีแลนซ์เป็นอาชีพที่สบายๆ จะตื่นกี่โมงก็ได้ นอนกี่โมงก็ได้ ทำงานที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ฯลฯ หลากหลายความคิดต่างๆ เหล่านี้นั้นจริงหรือไม่ มาฟังคำตอบจากประสบการณ์จริงของเพื่อนเรา คุณจิรายุ (JindaTheme) ฟรีแลนซ์โปรแกรมเมอร์ ที่เราอยากให้ทุกคนรู้จัก มาฟังคำตอบจากปากของเขา ผ่านบทสัมภาษณ์ของเรากันเลยดีกว่า
แนะนำตัวเองให้เพื่อนๆ รู้จักสักหน่อย
สวัสดีครับ ผมจิรายุ ลิ่มจินดา เรียกว่าพีก็ได้ครับ ก่อนหน้าที่จะมาเป็นฟรีแลนซ์ ผมเคยทำงานในบริษัทมาก่อน โดยในปีแรกที่เรียนจบก็อยากจะหาความท้าทายให้กับตัวเอง เริ่มต้นจากแบรนด์ดังๆ ก่อน ก็เลยไปสมัครงานกับบริษัท Digital Agency แห่งหนึ่งแถวสีลม ทำมาได้ไม่ถึงปีก็ลาออกเพราะอยากมาหาประสบการณ์ด้านอื่นต่อ จาดนั้นก็เลยไปทำงานอยู่ใน Software House เล็กๆ แห่งหนึ่งในบริเวณใกล้ๆ กัน แต่งานท้าทายกว่ามาก ช่วงนั้นทำงานอยู่ได้ 3 เดือน มีงานฟรีแลนซ์เข้ามาค่อนข้างเยอะ ก็เลยตัดสินใจพักงานประจำ มานั่งเคลียร์งานฟรีแลนซ์อยู่พักใหญ่ๆ เลย
ตอนนั้นเองก็มีเพื่อนเอางานฟรีแลนซ์มาให้ทำ เลยได้มีโอกาสเจอลูกค้าคนนึง คุยกันไปคุยกันมา อยู่ดีๆ เลยได้จับพลัดจับผลูไปทำ Start-Up ด้วยกัน ฟอร์มทีมกันได้ 4 คน ก็ไปเข้าบ้าน Accelerator ชื่อ i4-x ตอนนั้นสนุกมากครับ ได้ประสบการณ์ใหม่ ได้ความรู้ใหม่ แล้วก็ได้เจออะไรค่อนข้างเยอะ เราทำ Product ขึ้นมาตัวนึง แล้วก็ชนะ Pitching ในงาน Tech in Asia Thailand 2015 เลยได้ไปต่อที่สิงคโปร์ (อ่านข่าว คลิก)
หลังจากนั้นก็เกิดเบื่อ อยากได้ Skill เพิ่ม เลยไปอยู่กับบริษัท Software House แห่งนึงที่อยู่ใกล้บ้าน จนท้ายสุดก็ออกมาตั้งบริษัท รับงานเองจนถึงทุกวันนี้ครับ
ผมรับงานฟรีแลนซ์งานแรกตอนอายุ 19 ปี ตอนนั้นก็เป็นงานพวก Graphic Design, Web Design ทั่วไป เพราะตัวผมเองก็จับพวกโปรแกรม Photoshop มาตั้งแต่เด็กๆ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เรียนเขียนโปรแกรม ก็เลยเป็นทั้ง Designer และ Coder ไปในเวลาเดียวกัน ระหว่างนั้นก็มีงานฟรีแลนซ์เข้ามาบ้าง หลังๆ ก็จะมาจากคนรู้จักเอางานมาให้ จนมาช่วงหลังๆ ที่มาตั้งบริษัทรับงานเอง ลูกค้าที่เข้ามาเกือบทั้งหมดมักมาจากลูกค้าเก่าครับ บอกกันไปปากต่อปาก คนนั้นชอบ คนนี้ชม ก็แนะนำกันต่อมาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่แล้วเลยไม่ได้ออกไปหาลูกค้าเองเลยครับ
แสดงว่าปัจจุบันก็ทำงานฟรีแลนซ์เต็มเวลา?
จริงๆ ตอนนี้ก็ยังสับสนว่าจะยังเรียกว่าเป็นฟรีแลนซ์ Full Time ได้มั้ย เพราะตอนนี้ก็ออกมาตั้งบริษัทเองแล้ว แต่สภาพแวดล้อมในบริษัทก็สบายๆ ครับ ทุกคนในทีมก็เป็นฟรีแลนซ์อาชีพกันมาทั้งนั้น เรามารวมกันเพราะอยากรับงานใน scope ที่ใหญ่ขึ้น ทุกคนทำงานแบบรีโมทกันหมด แชร์เงินแชร์งาน อยู่ด้วยความสบายใจกันมากกว่า ถ้าเป็นเรื่องงานก็ไม่มีความรู้สึกอื่น ไม่มีเกมการเมือง ไม่มีกฎเกณฑ์เรื่องอายุ หรือตำแหน่งหน้าที่ ดีไม่ดีก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้าครับ
ตอนที่รับงานครั้งแรก กับตอนนี้ ต่างกันมากน้อยแค่ไหน
ถ้าให้เทียบระหว่างตอนที่รับงานครั้งแรก กับตอนนี้ ถือว่าต่างกันเยอะมากครับ ตอนรับงานครั้งแรกก็ไม่มีพื้นฐานความรู้ หรือเตรียมตัวอะไรเลย ทุกอย่างคือการพูดกันเฉยๆ อย่างเช่น "พี่จะจ้างน้อง", "ผมโอเคที่ราคานี้" ไม่มีเอกสารสัญญา ไม่มีอะไรทั้งนั้น ตกลงกันแค่ปากเปล่าว่าจะจ่ายเงินกี่งวด ทำอะไรบ้าง แค่นั้น ซึ่งผมว่ามันผิดมาก เพราะมันจะตามมาด้วยปัญหาต่างๆ สารพัดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปิดงานไม่ได้บ้าง ไม่รู้ว่าทำอะไรได้บ้าง เพิ่มอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง จะคิดเงินเพิ่มยังไงบ้าง การจ่ายเงินเป็นยังไง ถ้างานช้าหรือจ่ายช้า เกิดปัญหาตามมาจะรับมือยังไง ทุกอย่างมันคลุมเครือ ไม่สบายใจกันทั้งสองฝ่าย แต่ตั้งแต่ผมรับงานฟรีแลนซ์มาทั้งหมด ผมไม่เคยส่งงานช้ากว่า Timeline ที่คุยกันไว้แม้แต่ครั้งเดียว ทุกอย่างมันเลยประนีประนอมกันได้ ช่วงหลังๆ นี้กลายเป็นว่าเป็นผมเองซะอีกที่คอยตามนั่นโน่นนี่จากลูกค้า 555
อีกเรื่องหนึ่งคือช่วงที่ไปรับงาน, คุยงานครับ บางทีเขาถูกใจผลงานเราก็เรียกเราไปคุย พอเห็นฟรีแลนซ์ที่เป็นเด็กกว่า ก็จะทำเหมือนไม่ไว้ใจเราเท่าไหร่ คำพูดคำจาก็จะเป็นอย่างนึง ออกไปทางแนวๆ ไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจ หรือสบประมาทอะไรทำนองนี้ แต่พอว่าจ้างแล้ว ได้เห็นงาน หรือความสามารถที่เราทำได้ ก็จะคุยกันไปคนละแบบกับตอนแรกเลยก็มี แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับ ผมทำตามเอกสารสัญญา เขาอายุมากกว่าผมก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่กว่า ยังไงเสียความเคารพตรงนี้มันต้องมีอยู่แล้วเป็นธรรมดา
อยากบอกอะไรกับเพื่อนๆ ของเราใน FreelanceBay
สมัยนี้ผมว่าอะไรๆ มันก็เป็นแฟชั่นไปหมดครับ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Start-Up มันบูม ทุกคนก็อยากจะทำ Start-Up บ้าง บางคนคิดว่าเรื่องนี้มันมีหน้ามีตา ดูเท่ ดูเป็นสังคม หรือคิดว่ามันจะรวย ทำงานสบาย ฟรีแลนซ์ก็ไม่ต่างกัน คนส่วนใหญ่คิดว่าฟรีแลนซ์เนี่ยทำงานสบาย ทำงานที่ไหนก็ได้ หรือจะทำงานอยู่บ้านไม่ต้องเจอผู้คนให้วุ่นวาย ซึ่งความเป็นจริงแล้วคนที่เป็นฟรีแลนซ์มืออาชีพเนี่ยจะรู้เลยว่าพวกนี้มันไม่จริง ผมบอกได้เลยว่าการเป็นฟรีแลนซ์เนี่ยเหนื่อยกว่าทำงานประจำเยอะ ไหนจะเรื่องเอกสาร ไหนจะเรื่องลูกค้า จริงอยู่ที่ว่าผมจะทำงานที่ไหนก็ได้ วันธรรมดาจะไปเที่ยว หรือเดินห้างไหนก็ได้ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้งคือทำงานทุกวันทุกเวลา ไม่มีเสาร์ - อาทิตย์ ไม่มีวันหยุด ตื่นมาก็นั่งทำงาน ก่อนนอนสิ่งสุดท้ายที่ทำก็คืองาน เราบริหารเวลาเหนี่อยมาก บางทีกลับมาจากสังสรรค์กลางคืนดึกๆ ดื่นๆ ก็ต้องมานั่งทำงานต่อ ทำอีกสักพักแล้วค่อยนอน ก็มี
ผมอยากจะบอกว่าอย่าเอาเรื่องเงินมาก่อนงาน ผมรักที่จะทำงานนี้เพราะเห็นว่างานในบริษัทบางทีมันก็ไม่สมเหตุสมผล ผมไม่ชอบการที่ใครมาบอกว่า "ทำๆ ไปเถอะ" หรือ "เอาให้มันจบๆ ไป" คือมันเหมือนกับเรากำลังทำร้ายอาชีพของเราอยู่ การเป็นฟรีแลนซ์นอกจากจะต้องรักงานแล้วก็ต้องรักเพื่อนร่วมอาชีพด้วย บางครั้งการตัดราคามันก็ไม่ใช่เรื่องดี ผมเห็นบ่อยมากเวลากดราคากันเยอะๆ ลูกค้าบางคนอยากได้ราคาถูกหน่อย พอว่าจ้างทำไปแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้ ก็ตีโพยตีพายเหมารวมว่าฟรีแลนซ์มันแย่ มันห่วย มันไม่มีคุณภาพบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วฟรีแลนซ์ดีๆ ที่มีคุณภาพ มีเยอะครับ ผมว่าตัวเองก็ไม่ได้รู้จักคนที่อยู่ในวงการนี้น้อย เพียงแต่เขารู้สึกว่าโดนเหมารวม โดนกดราคาจากลูกค้าบ้าง หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็น้อยอกน้อยใจหันไปก้มหน้าก้มตาทำงานออฟฟิศดีกว่า ก็เป็นเรื่องธรรมดา งานมาก่อนเงิน ถ้าเราอยากให้คนอื่นรักงานที่เราทำ ขั้นแรกเลยคือเราต้องรักงานที่เราทำก่อน
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากฝากไว้เลยคือ ฟรีแลนซ์ต้องไม่ละเลยเรื่องเอกสารนะครับ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือสัญญา, ใบหัก ณ ที่จ่าย, ภาษีเงินได้ ฯลฯ ตอนนี้อาจจะยังไม่เยอะมากครับ ทำใจให้สบายๆ ก่อน ไว้เดี๋ยวมาเปิดบริษัทเองแล้วจะรู้ว่ามีอะไรให้ปวดหัวอีกเยอะเลย 5555
เคยได้งานจาก FreelanceBay บ้างรึเปล่า
สารภาพเลยครับว่าส่วนตัวไม่ค่อยได้เข้ามาในเว็บไซต์เท่าไหร่ 555 ส่วนใหญ่ที่ทำก็คือจะมาสร้างโปรไฟล์ทิ้งไว้ พอล็อกอินเข้ามาทีนึงก็มีลูกค้าทักเข้ามาหลายคน แต่ก็นานมากแล้ว เลยไม่ได้มี action อะไรต่อ
รู้สึกยังไงกับเว็บไซต์ของเรา FreelanceBay.com
ผมว่าตัวกลางที่ให้บริการ Connect ระหว่างผู้ว่าจ้างกับผู้รับจ้างเนี่ยเป็นบริการที่ดีมากนะครับ อย่างเช่นที่ FreelanceBay กำลังทำอยู่ ก็เป็นการกระตุ้นให้คนที่มีความสามารถจริงๆ ทำผลงานออกมาแสดงโชว์ในพื้นที่ส่วนตัวของเขาเองได้อย่างเต็มที่ ผู้ว่าจ้างก็มีสิทธิ์เลือกคนที่ตัวเองถูกใจ ส่วนผู้รับจ้างเองก็ได้ผลงานเพิ่มมากขึ้น ได้รับเครดิต ความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น มันทำให้เกิด Community ที่ใหญ่ขึ้น คนสนใจว่าจ้างฟรีแลนซ์มากขึ้น แล้วก็เห็นว่าการจ้างฟรีแลนซ์ไปทำงานเนี่ยไม่ได้ไม่ดีอย่างที่เขาคิดในตอนแรก
ก็ขอเอาใจช่วย FreelanceBay ในการทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไป เพื่อให้เกิดสังคมฟรีแลนซ์คุณภาพอย่างที่ตั้งใจ แล้วก็แฮ้ปปี้กันทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ว่าจ้าง และฟรีแลนซ์ครับ
ตัวอย่างผลงาน
ชมผลงานคุณจิรายุ (JindaTheme) เพิ่มเติมได้ที่ : https://www.freelancebay.com/115374.html
อ่านบทความอื่นๆ ของ FreelanceBay
ติดตาม FreelanceBay จากช่องทางต่างๆ : Facebook | Twitter | Google+