Uber จ่ายเงิน 20 ล้านเหรียญฯ เพื่อชำระค่าเสียหายในฐานะที่ทำให้ผู้ขับรถเข้าใจผิด
20 มกราคม 2560

นาย Travis Kalanick, CEO ของ Uber

 

ในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม ปี 2015 ที่ผ่านมา บริการเรียกรถโดยสารชื่อดังอย่าง Uber นั้น ได้ลงประกาศโฆษณาใน Craigslist เพื่อดึงดูดให้ผู้ขับรถรายใหม่เข้ามาขับรถให้กับ Uber ด้วยอัตราค่าโดยสารต่อชั่วโมงที่สูงกว่าเดิม อย่างในบอสตัน ที่ระบุว่าผู้ขับรถจะได้รับเงินเป็นจำนวน 25 เหรียญฯ ต่อชั่วโมง แต่ในความเป็นจริงแล้วมีผู้ขับรถเป็นจำนวนน้อยกว่า 10% ในเมืองที่สามารถให้บริการจนได้รับเงินจำนวนดังกล่าว ตามคำตัดสินคดีของคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ

 

โดยในแถลงการณ์ของ Uber บนสื่อต่างๆ รวมถึงเว็บไซต์ของตัวเองนั้น ได้ระบุว่าผู้ขับรถ Uber X จะสามารถทำรายได้ต่อปีได้มากกว่า 90,000 เหรียญฯ ในนิวยอร์ค และมากกว่า 74,000 เหรียญฯ ในซานฟรานซิสโก ขณะที่คณะกรรมาธิการฯ นั้นระบุว่ารายได้ของทั้ง 2 เมืองสำหรับผู้ขับรถที่ทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ นั้นมีค่าเฉลี่ยที่ต่ำกว่าตามที่ Uber ได้อ้างไว้อย่างมีนัยสำคัญ (29,000 เหรียญฯ และ 21,000 เหรียญฯ ตามลำดับ)

 

นอกจาก 2 เมืองข้างต้นแล้ว คณะกรรมาธิการฯ ยังได้ระบุต่อไปอีกว่ามีอีก 18 เมืองทั่วสหรัฐฯ ที่ผู้ขับรถมีรายได้ต่ำกว่าที่ Uber กล่าวอ้าง อย่างในบัลติมอร์ มีผู้ขับน้อยกว่า 20% ที่ทำรายได้ถึง 16 เหรียญฯ ต่อชั่วโมง, ชิคาโก น้อยกว่า 20% ที่ทำรายได้ถึง 21 เหรียญฯ, มินนิแอโพลิส น้อยกว่า 10% ที่ทำรายได้ถึง 18 เหรียญฯ เป็นต้น

 

การผลักต้นทุน ความเสี่ยง และภาระความรับผิดชอบให้กับเจ้าของรถ

 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Uber ได้ยอมรับคำตัดสิน โดยยอมจ่ายค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อชดเชยให้กับข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้น แม้ว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวนั้นจะยังไม่ชัดเจนก็ตาม ทั้งนี้เนื่องจากคำสั่งของคณะกรรมาธิการฯ ให้ Uber หาทางแก้ไขปัญหาของกรณีดังกล่าว

 

ทางโฆษกของ Uber ได้แถลงต่อกรณีนี้ว่า "เรามีความยินดีที่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกับคณะกรรมาธิการฯ แม้ในช่วงปีที่ผ่านมานั้น เรามีความพยายามหลายอย่างที่จะสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ขับรถในหลายๆ ด้านก็ตาม และเราจะมุ่งมั่นต่อไป เพื่อให้ผู้ขับรถมั่นใจว่า Uber นั้นคือตัวเลือกที่ดีที่สุด สำหรับคนที่ต้องการหารายได้จากการขับรถ ในเวลาที่ตัวเองสามารถกำหนดได้"

 

อย่างไรก็ตาม ทางด้านของผู้ขับได้โต้แย้งต่อทาง Uber ว่าประสบการณ์ที่ผู้ขับขี่ได้รับนั้นไม่ครอบคลุมถึงต้นทุนของรอบการขับ และค่าบำรุงรักษารถอีกด้วย โดยนาย Jim Conigliaro ตัวแทนจากสมาคมผู้ขับรถอิสระ ได้กล่าวว่า "สิ่งที่พวกเราได้รับจากการนำรถออกมาให้บริการนั้นแตกต่างจากสิ่งที่ Uber ได้วาดฝันไว้มาก และเราค่อนข้างพอใจที่เห็นการดำเนินการของคณะกรรมาธิการฯ ในการจัดการต่อปัญหาดังกล่าว"

 

"นอกจากนี้ เรายังเห็นว่าทาง Uber นั้นมีการผลักต้นทุนต่างๆ ความเสี่ยง รวมถึงภาระความรับผิดชอบมาให้กับผู้ขับมากเกินไป ในขณะที่พวกเขาล้มเหลวในการจัดการสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่ประชาชนชาวอเมริกันควรจะได้รับ ตั้งแต่ประกันสุขภาพ ไปจนถึงสิทธิในการลาป่วยอีกด้วย"

 

แม้ว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวข้างต้นจะเป็นข้อเรียกร้องในดินแดนเสรีภาพอย่างสหรัฐฯ ก็ตาม แต่ในเมืองไทยเราเองก็มีให้เห็นบ้างประปราย ซึ่งเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันอยู่บ้างถึงความเหมาะสมในการจ่ายรายได้ให้กับเจ้าของรถ ที่อาจเป็นการผลักภาระให้กับตัวเจ้าของมากจนเกินไป ทั้งนี้หากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นทาง Uber ไม่สามารถจัดการได้ ก็อาจทำให้ผู้บริการรายนี้หลุดตำแหน่งผู้นำในตลาด Car-sharing service ไปได้เช่นเดียวกัน

กำลังเชื่อมต่อ