หลายคนอาจเคยรู้สึกว่า งานประจำที่ทำอยู่นั้นช่างแสนน่าเบื่อหน่าย ครั้นจะลาออกไปก็ยังไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรดี? กลัวไปแล้วที่ใหม่จะไม่มั่นคง? หรือบางคนคิดจะออก แต่ก็ถูกกรอกหูถึงความเสี่ยงนั่นนี่ จนบางคนจมปลักอยู่กับที่มาเป็นสิบแต่ไม่มีอะไรคืบหน้า และเรามักจะถูกกดดันด้วยคำถามที่ว่า ทำไมคุณถึงออก? คุณจะไปที่ไหน? ซึ่งเหตุผลของบางคนอาจอยากที่จะเลือกไปทำงานฟรีแลนซ์ที่ให้ความอิสระมากกว่า หรือบางคนอาจอยากไปทำอย่างอื่น หลายคนอาจรู้สึกว่าทำไมถึงเลือกที่จะเสี่ยงลาออกโดยไม่มีแผนสำรองใดๆ คุณจะไม่มีทางเข้าใจ ถ้าหากคุณไม่เคยลองก้าวออกไป เพราะนั่นเป็นประสบการณ์ที่ดีที่คุณอาจไม่เคยไม่เจอ คนอื่นอาจเรียกมันว่าโง่หรือกล้าหาญ แต่นั้นคือสิ่งที่ทำให้คุณได้เรียนรู้
1. คุณไม่จำเป็นต้องขอความเห็นจากผู้อื่น
เมื่อคุณบอกคนอื่นเกี่ยวกับแผนการของคุณที่จะก้าวออกไปจากกรอบเล็กๆ เพื่อไปทำในสิ่งที่คุณต้องการ คุณไม่จำเป็นต้องมานั่งคิดมากถึงความคิดเห็นของผู้อื่น ต่อการกระทำของคุณ ตราบเท่าที่คุณรู้มั่นใจในการตัดสินใจของคุณแล้ว จงเชื่อมั่นในทางที่ตัวเองเลือก
2. น่ากลัวแต่ก็น่าตื่นเต้น
แรกๆ คุณอาจรู้สึกถึงความเครียดเข้ามาครอบงำ และในทุกวันคือการต่อสู้เพื่อพยายามลุกขึ้นทำงาน และอย่างน้อยก็รู้สึกว่ากำลังก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าชีวิตมีความสุขมากขึ้น คุณอาจไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในวันข้างหน้า และนั่นจะทำให้คุณรู้สึกมีแรงกระตุ้นและมองโลกในแง่ดี มันเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกกังวลมากที่สุด แต่ก็น่าตื่นเต้นที่สุดด้วยเช่นกัน
3. คุณไม่มีวันรู้ จนกว่าคุณจะลอง
คุณไม่มีวันรู้ว่าตัวคุณเองสามารถทำอะไรได้บ้าง จนกว่าคุณจะได้ลองทำ แน่นอนว่าบนเส้นทางของงานประจำนั้น ไม่มีความเสี่ยง และค่อนข้างปลอดภัย แต่หากคุณหมดไฟที่จะนั่งทำงานแบบก้นติดเก้าอี้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น วนเวียนอยู่ซ้ำๆ ซากๆ งานที่ทำอยู่ไร้ซึ่งความท้าทาย คุณควรจะเริ่มลงมือจัดการกับสิ่งที่คาดไม่ถึงในวันข้างหน้า คุณจะไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทฯ ใหญ่ๆ ถ้าคุณไม่คิดจะก้าวออกไปจากจุดเดิม
4. อาชีพที่คุณทำไม่ได้เป็นตัวกำหนดตัวคุณ
ทุกคนมีแนวโน้มที่จะใช้อาชีพของเราเพื่อกำหนดตัวเอง แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่านั่นเป็นงานของคุณ ไม่ใช่ตัวคุณ ความกดดันในการกำหนดตัวเองโดยใช้อาชีพคือการบังคับตัวเอง ในความเป็นจริงคนส่วนใหญ่ไม่สนใจว่าคุณจะเป็นใคร เพราะคุณสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่ใจคุณอยากทำ