บริการรถยนต์ร่วมโดยสารยักษ์ใหญ่อย่าง Uber ต้องการใช้เครื่องมือที่ชาญฉลาดเพื่อรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขัน จึงไม่น่าแปลกใจที่เราได้เห็น Uber ใช้กลยุทธ์ในการเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทตัวเอง โดยล่าสุด Uber ได้เข้าซื้อ Geometric Intelligence บริษัทสตาร์ทอัพที่มีนักวิจัยในสายพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง โดยการเข้าซื้อดังกล่าวจะมีผลให้ทีมนี้เป็นกำลังหลักในการพัฒนา AI สำหรับ Uber ในอนาคตอันใกล้นี้
โดยในช่วงที่ผ่านมา Uber ได้มีความพยายามในการพัฒนา Machine Learning โดยทีมวิจัยในพิตส์เบิร์ก (เมืองหนึ่งในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา) แต่เป็นการมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการขับรถโดยอัตโนมัติเท่านั้น ซึ่งทีมใหม่ที่เข้ามาเสริมทัพนี้จะเป็นทีมหลักสำหรับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับ AI ที่กว้างมากขึ้น โดยการมุ่งเน้นไปที่งานวิจัยพื้นฐานที่น่าจะมีผลต่อประสิทธิภาพในการใช้งาน รวมถึงการจัดการเส้นทางโดยสารด้วย นี่อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่ชี้ว่า Uber นั้นต้องการที่จะก้าวไปสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เช่นเดียวกับ Google, Apple, และ Microsoft ก็เป็นได้
สำหรับทีม Geometric Intelligence นั้น ประกอบด้วยนาย Gary Marcus ซึ่งเป็นนักวิจัยด้าน Cognitive Science จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU), ศาสตราจารย์ Zoubin Ghahramani นักวิจัยด้าน Machine Learning จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์, ศาสตราจารย์ Kenneth Stanley นักวิจัยด้าน Computer Science จากมหาวิทยาลัยเซ็นทรัลฟลอริด้า ดอกเตอร์ Douglas Bemis นักวิทยาศาสตร์ด้าน Neurolinguistics จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก นอกจากนี้สมาชิกในทีมอีก 15 คน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความเชี่ยวชาญในด้าน data science และ AI เป็นอย่างยิ่ง และข้อเสนอดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงความร่วมมือของสถาบันการศึกษาของสมาชิกแต่ละคนอีกด้วย
โดยการทำงานของ Geometric Intelligence จะมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาในการสร้างระบบ AI รวมถึงตัวแทนวัตถุหรือสถานการณ์ที่มีการใช้ชุดข้อมูลที่มีขนาดเล็กกว่าการใช้งานตามปกติ โดยพวกเขาได้ดำเนินการอะไรหลายๆ อย่างได้สำเร็จแล้ว แต่ทีมใหม่ที่เข้ามาเสริมทัพให้กับ Uber นี้ จะมองไปที่ปัญหาอีกด้าน คือการทำให้ระบบมีความชาญฉลาดมากขึ้น ในการใช้ข้อมูลที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งจะเข้ามาช่วยเหลือในการเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ของ Uber โดยไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลในปริมาณที่เทียบเท่ากับเมื่อก่อน
ถือเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่มีการพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการนำ AI เข้ามาใช้ของ Uber นี้ เชื่อว่าในอนาคตเราอาจได้เห็นอีกหลายๆ แอพฯ ที่นำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาใช้ในผลิตภัณฑ์เช่นเดียวกัน ท้ายที่สุดแล้วผลประโยชน์จากการนำเทคโนโลยีมาใช้ ก็ตกอยู่กับผู้ใช้งานนั่นเอง