ผลวิจัยชี้ ผู้บริโภค GenX ติดโลกโซเชียลมากกว่าเด็กรุ่น Millenials เสียอีก
31 มกราคม 2560

 

อาจจะดูเหมือนว่าผู้บริโภคกลุ่ม Generation X (Gen X : ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 - 49 ปี) นั้นเหมือนว่าจะไม่ใช่กลุ่มที่ใช้งานสื่อ Social Media เท่าไหร่นัก และเชื่อมาโดยตลอดว่าเด็กยุค Millenials นั้นมีพฤติกรรมเสพติดโซเชียลที่มากกว่าผู้ใหญ่ ด้วยสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Snapchat, Instagram, Facebbok และ Twitter แต่ความจริงแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น ล่าสุดนีลเส็น (Nielsen: บริษัทวิจัยตลาดยักษ์ใหญ่ของโลก) ได้ทำการวิจัยผู้บริโภค และพบว่ากลุ่มผู้บริโภค (ชาวอเมริกัน) ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ถึง 34 ปีนั้นมีการใช้งานโซเชียลมีเดียน้อยกว่ากลุ่มผู้บริโภคอายุ 35 ถึง 49 ปีเสียอีก

 

โดยผลวิจัยพบว่า กลุ่มผู้บริโภค Gen X นั้นใช้เวลาในการรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย โดยเฉลี่ยแล้วเป็นเวลา 6 ชั่วโมง 58 นาทีต่อสัปดาห์ ในขณะที่ผู้บริโภคกลุ่ม Millenials นั้นกลับพบว่าใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมง 19 นาทีเท่านั้น ส่วนกลุ่มผู้บริโภคที่มีการใช้งานน้อยที่สุดนั้น ได้แก่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป โดยใช้เวลาเฉลี่ย 4 ชั่วโมง 9 นาทีต่อสัปดาห์เท่านั้น

 

จากการค้นพบดังกล่าว ได้แสดงให้เห็นถึงความแพร่หลายของการใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนในกลุ่มผู้บริโภค โดยในสหรัฐอเมริกานั้นพบว่าผู้บริโภคกลุ่มอายุ 18 ถึง 34 ปี มีการใช้สมาร์ทโฟนสูงถึง 97% รองลงมาคือกลุ่มอายุ 35 ถึง 49 ปี คิดเป็นปริมาณ 94% และ 70% สำหรับผู้บริโภคกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยงานวิจัยนี้ได้ทำการเก็บข้อมูลจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟนจำนวน 9,000 เครื่อง และแทบเล็ตอีก 1,300 เครื่องทั่วสหรัฐฯ ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน 2016

 

โดยโซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดนั้นได้แก่ Facebook ด้วยจำนวนผู้ใช้งาน 178.2 ล้านคนในเดือนกันยายน ตามมาด้วย Instagram ที่จำนวน 91.5 ล้านคน, Twitter จำนวน 82.2 ล้านคน และ Pinterest จำนวน 69.6 ล้านคน ส่วน Snapchat ที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นนั้นกลับอยู่ในลำดับที่ 6 ตามหลัง Linkedin ที่จัดเป็นเครือข่ายสังคมสำหรับคนทำงานเสียอีก

 

สุดท้าย งานวิจัยนี้ยังได้ทำการวัดผลพฤติกรรม "second screen' ขณะใช้งาน Social Media อีกด้วย โดยการวัดจำนวนโพสต์บน Facebook และ Twitter ของผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้องกับรายการโทรทัศน์ ณ ช่วงเวลานั้น พบว่ากลุ่ม Gen X มีพฤติกรรมการใช้งาน second screen สูงถึง 42% ส่วนในกลุ่ม Millenials คิดเป็น 40% เท่านั้น

 

ทั้งนี้ ผลวิจัยดังกล่าวนั้นสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น หากงานวิจัยนี้เกิดในประเทศไทย ก็อาจให้ผลที่แตกต่างกันได้

กำลังเชื่อมต่อ