สำหรับการเป็นฟรีแลนซ์แล้ว สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแย่ยิ่งกว่าการไปทำความรู้จักกับลูกค้า คือการที่รู้สึกว่าทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่กลับโดนลูกค้าเทกลางอากาศ สัญญาณขาดหาย หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ฯลฯ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ยังคุยกันปกติดี แต่แล้วก็เกิดอาการ "นก" ซะงั้น เจอแบบนี้ถึงกับไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว เพราะกว่าที่เราจะผ่านการทำความรู้จักกับลูกค้า สร้างสายสัมพันธ์ นำเสนอผลงาน ขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ล้วนต้องใช้ทั้งความพยายามและเวลาในการสร้าง รวมถึงพลังงานและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นด้วย
หากทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี แต่จู่ๆ ลูกค้าก็หายตัวไป แสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติแล้วล่ะ FreelanceBay ได้รวบรวม 5 เหตุผลที่ลูกค้าไม่เลือกจ้างคุณ พร้อมทั้งวิธีแก้ไข ให้คุณลองเช็คดูว่าคุณกำลังถูกลูกค้าเมินเพราะเหตุผลเหล่านี้อยู่หรือไม่
1. ไม่มีตัวตนบนโลกออนไลน์
เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งแรกๆ ที่ผู้จ้างมักจะทำก่อนจะตัดสินใจเลือกจ้างคนมาทำงานให้ คือการค้นหาชื่อบน google เพื่อดูว่าคนๆ นั้นมีตัวตนบนโลกออนไลน์หรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์, บล็อกส่วนตัว, Facebook, Twitter หรือ Social Media อื่นๆ เนื่องจากการจ้างงานฟรีแลนซ์นั้นมีการจ้างงานเป็นครั้งๆ ไป ผู้จ้างก็ต้องการมั่นใจว่าคุณจะสามารถทำงานให้เขาได้โดยไม่หนีหายไปไหน ไม่ทิ้งงานกลางคัน สามารถติดต่อได้ตลอดเวลา การมีตัวตนบนโลกออนไลน์จึงช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้คุณได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งถ้าลูกค้าหาคุณไม่เจอ มีโอกาสสูงมากที่เขาจะมองข้ามคุณไปเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ
วิธีแก้ไข : ง่ายมากๆ คุณก็แค่พยายามทำให้โลกรู้จักคุณนั่นแหละ จะ Facebook, Twitter หรือบล็อกส่วนตัวก็ตาม ขอให้มี ยิ่งถ้ามีเว็บไซต์เป็นของตัวเองจะยิ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น เพราะเว็บไซต์ก็เหมือนกับหน้าร้าน เป็นสิ่งที่แสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณไม่ได้มาเล่นๆ ทั้งนี้ Social Media นั้นก็มีโอกาสทำให้คุณได้งานได้เช่นเดียวกันหากใช้มันอย่างถูกวิธี ลองอ่าน Do & Don't ใช้ Social อย่างไรให้ได้งาน เป็นแนวทางดูก็ได้
2. ไม่มีตัวอย่างผลงาน
นอกเหนือจากการที่รู้จักตัวคุณแล้ว เขายังอยากรู้ว่าคุณทำงานได้ไหม ผลงานเป็นอย่างไร ตรงกับสิ่งที่เขาอยากได้หรือไม่ เพื่อให้ได้คนที่สามารถทำงานได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด เนื่องจากมีฟรีแลนซ์จำนวนมากที่มีความสามารถและคุณสมบัติใกล้เคียงกัน ผลงานจึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ลูกค้าใช้ประเมิน และสามารถตัดสินใจได้ว่าโปรเจคนั้นควรให้ใครทำจึงจะเหมาะสมที่สุด ซึ่งถ้าคุณไม่มี Portfolio ให้เขาดู ก็โบกมือลาจากงานนั้นไปได้เลย เขาไม่เลือกคุณหรอก
วิธีแก้ไข : จัดทำและรวบรวมผลงานที่คุณเคยทำมาก่อนให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อให้ลูกค้าเห็นความหลากหลายของผลงาน และสามารถประเมินความสามารถของเราได้ หากคุณเป็นฟรีแลนซ์หน้าใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์ ก็ลองเริ่มต้นด้วยการทำโปรเจคส่วนตัวก่อนก็ได้ ทำงานในหลายๆ แนวและลองนำเสนอลูกค้าดู
3. ไม่มีรีวิวจากลูกค้าเก่า
ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แน่ใจจริงๆ ว่าคุณจะสามารถทำงานให้เขาได้ตั้งแต่เริ่มจนจบงาน วิธีที่ดีที่สุดคือการถามจากผู้จ้างคนก่อนๆ ที่เคยจ้างคุณ ว่าการทำงานของคุณเป็นอย่างไร ทิ้งงานหรือไม่ ผลงานเป็นที่น่าพอใจหรือเปล่า ซึ่งถ้าคุณไม่มีรีวิวจากผู้จ้างคนก่อนๆ ก็อาจทำให้ผู้จ้างเริ่มไม่มั่นใจที่จะเลือกจ้างคุณได้ และอาจทำให้เขาเลือกจ้างคนอื่นแทน
วิธีแก้ไข : สำหรับคนที่เคยผ่านงานจากผู้จ้างมาบ้างแล้ว ลองโทรกลับไปหาพวกเขาเพื่อขอคำรีวิว และจัดทำเป็น Testimonial เอาไว้ และขอให้เขาเป็นบุคคลอ้างอิง สำหรับเวลาที่ผู้จ้างต้องการได้รับคำยืนยันจากลูกค้าเก่า ส่วนคนที่ยังไม่เคยทำงานกับลูกค้า คุณอาจทำงานฟรีให้พวกเขาเป็นการแลกเปลี่ยนกับรีวิวก็ได้ โดยคิดเสียว่าเป็นค่าโฆษณาตัวคุณ ซึ่งสิ่งนี้จะสามารถทำเงินให้คุณได้ในอนาคต
4. ตื๊อลูกค้ามากเกินไป หรืออยู่เฉยจนเกินไป
มีฟรีแลนซ์จำนวนไม่น้อยที่หลังจากทำความรู้จักกับผู้จ้าง และส่ง Proposal ให้พิจารณาแล้ว มักจะทำ 1 ใน 2 อย่างนี้ คือไม่ส่งอีเมลไปหาลูกค้าซ้ำๆ เพื่อให้เขาตอบกลับมา ก็นั่งตบยุงรอลูกค้าติดต่อกลับ ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่ดีทั้งคู่ เพราะโดยธรรมชาติของคนนั้นไม่ชอบตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน ยิ่งกดดันลูกค้าด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางอีเมล ทางโทรศัพท์ ในเวลาที่เขายังไม่แน่ใจว่าจะเลือกจ้างคุณดีหรือไม่นั้น ยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างแน่นอน แต่การนั่งรอให้ลูกค้าติดต่อกลับมาก็ไม่ใช่แนวทางที่ดี เพราะด้วยภาระงานต่างๆ ของลูกค้าเองก็มีมากมาย การที่คุณไม่ได้ติดตามเขาเลยก็อาจทำให้เขาลืมคุณไปได้เช่นกัน
วิธีแก้ไข : ควรทิ้งระยะเวลาสักประมาณ 2 - 3 วัน หลังจากที่ส่ง Proposal ให้ผู้จ้าง เพื่อให้เวลาเขาตัดสินใจ หรืออาจลองติดต่อหลังจากที่ส่ง Proposal ไป เพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้รับอีเมลแล้ว ถ้าลูกค้ายังไม่ติดต่อกลับมาภายใน 3 วัน ลองติดต่อเขากลับไปเพื่อสอบถามความคืบหน้าและวันเริ่มต้นทำงาน และถ้าลูกค้ายังไม่ตอบกลับมาอีก ก็หาลูกค้าใหม่ดีกว่า เพราะลูกค้าที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ก็ไม่ใช่ลูกค้าที่เราอยากทำงานด้วยเหมือนกัน จริงไหม
5. ขายแต่บริการ ไม่ได้ขายความคุ้มค่า
อาจจะเป็นเหตุผลที่กำปั้นทุบดินไปหน่อย แต่ที่ลูกค้าตัดสินใจเทคุณก็เพราะว่าเขาไม่อยากทำงานกับคุณนั่นแหละ เนื่องจากเขายังไม่เห็นความคุ้มค่าที่จะจ้างคุณทำงาน อาจเป็นไปได้ว่าบริการของคุณไม่ตรงกับความต้องการของพวกเขา หรือเขายังไม่เห็นว่าจะได้รับอะไรจากบริการของคุณ คุณแค่ทำให้เขาเห็นว่าคุณทำอะไรได้ บริการอะไรที่คุณมี แต่ไม่ได้โชว์ว่าบริการของคุณตอบโจทย์ลูกค้าอย่างไร ประโยชน์อะไรที่ลูกค้าจะได้ถ้าคุณได้รับเลือกให้ทำงานนี้ เป็นต้น
วิธีแก้ไข : ทำให้ลูกค้าเห็นว่าบริการของคุณตอบโจทย์ผู้จ้างได้อย่างไร เขาจะได้รับอะไรจากบริการของคุณ การเลือกจ้างคุณจะทำให้ชีวิตเขาง่ายขึ้นหรือดีขึ้นยังไง ธุรกิจของเขาจะเติบโตไปอย่างไร ประหยัดเวลาเพิ่มขึ้นไหม เป็นต้น โดยผูกเข้ากับบริการของคุณ เช่น ด้วยบริการนี้ จะเกิดประโยชน์อะไรกับธุรกิจของเขา ยิ่งอธิบายได้ชัดเจนเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ผู้จ้างก็ยิ่งสนใจบริการของคุณมากขึ้นเท่านั้น
อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่อย่าได้พลาดเลยทีเดียว เพราะโอกาสเข้ามาไม่บ่อยนัก กว่าจะจีบลูกค้าติดต้องใช้เวลานาน อุตส่าห์เหนื่อยทั้งทีแล้วก็ควรจะได้อะไรกลับมาบ้าง ไม่ใช่เหนื่อยแล้วโดนลูกค้าเททีหลังเพราะดันพลาดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เส้นทางฟรีแลนซ์ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไปนัก ยิ่งคุณใส่ใจในรายละเอียดมากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ และทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการเราได้อีกในอนาคต
อ่านบทความอื่นๆ ของ FreelanceBay
ติดตาม FreelanceBay จากช่องทางต่างๆ : Facebook | Twitter | Google+