ตรากตรำร่ำเรียนกันมาก็เนิ่นนาน แต่โลกการทำงานจริงมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เรียน อะไรหลาย ๆ อย่างอาจารย์ก็ไม่เคยสอน วันนี้ FreelanceBay ชวนชาวกราฟฟิกมาดูกันว่าอะไรที่คุณต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองบ้างถึง 9 สิ่งด้วยกัน

 

 

1. การทำงานในโลกความจริง

 

สิ่งที่เรียนกับสิ่งที่เจอในการทำงาน ไม่เหมือนกันแน่ๆ ไม่งั้นหลายๆ คณะคงไม่บังคับให้นักศึกษาไปฝึกงาน เพราะเพื่อที่จะให้เรียนรู้การทำงานจริงๆ นั่นเอง ซึ่งแต่ละคน แต่ละที่ ก็มีวิธีการทำงานแตกต่างกัน เพราะประสบการณ์เหล่านั้นคือสิ่งที่จะต้องเจอ

 

แต่การเรียนรู้แต่ในงานด้านกราฟฟิกอย่างเดียวก็ยังไม่พอ คุณควรเรียนรู้การทำงานของงานด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกันด้วย เช่น งานโรงพิมพ์ เอเจนซี่ กองบรรณาธิการ ช่างภาพ และอีกนานับประการ เพราะพวกเขาเหล่านี้ ก็เป็นสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้องอยู่แล้ว ดังนั้นจำไว้ว่า การทำงานแบบวันต่อวัน มันต่างกับการทำงานส่งอาจารย์ชัวร์ๆ

 

2. ปริญญาบัตรไม่ได้ทำให้มีงานทำ

 

สาขาวิชาอย่างพวกนิเทศศิลป์ หรือออกแบบ เขาไม่ได้ดูกันที่เกรด แต่เค้าดูกันที่  portfolio ว่างานดีแค่ไหน แน่นอนว่าเกรดอาจเป็นส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเกรดดีงามมาก แต่ผลงานไม่เข้าตา ก็เซย์กู้ดบายกันได้เลย อีกทั้งการใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ ในการทำงานจริง มันมีอะไรที่สำคัญ และต้องรู้มากกว่าที่เรียนในคลาส

 

ไหนจะการใช้งานอย่างคล่องแคล่วอีก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ต้องสร้างด้วยตัวเอง โดยการฝึกฝนล้วน ๆ เพราะค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน แต่มันก็จะดีมากถ้าทั้งเกรดและ portfolio นั้นดีงามไม่แพ้กัน นั่นจะทำให้คุณมีแต้มต่อเหนือกว่าคนอื่นหลายเท่าตัวเลยล่ะ

 

3. การหารายได้

 

โดยส่วนมากการเรียนในมหาวิทยาลัย ก็จะสอนแต่ทฤษฏีเป็นส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครบอกก็คือ การนำเอาทฤษฏีและความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาไปสร้างมูลค่าเพิ่มหรือทำรายได้ได้ยังไง ในยุคที่ใคร ๆ ต่างก็มีคอมพิวเตอร์ การจะเรียนรู้อะไรสักอย่าง สามารถหาได้ง่ายใน google หรือ youtube และนั่นทำให้ความเก่งกาจอยู่ที่ตัวคุณล้วน ๆ ว่าใช้เวลากับมันมากแค่ไหน

 

อีกทั้งในยุคนี้ก็มีช่องทางมากมายให้คุณได้แสดงผลงานออกไป แต่ใคร ๆ ก็ทำได้เช่นกัน ฉะนั้น งานคุณจะโดดเด่นออกมาจากงานอีกร้อยพันชิ้นหรือไม่ ก็อยู่ที่ฝีมือล้วนๆ แล้วแหละ

 

4. การมีความคิดสร้างสรรค์

 

ใครจะไปสอนคุณให้มีความคิดสร้างสรรค์ได้ล่ะ เขาก็คงแค่ พอบอก ๆ ได้ว่า ให้เสพมาก ๆ หาข้อมูลเยอะ ๆ ฝึกคิดเยอะ ๆ แต่มันก็เป็นแค่ทฤษฎี๊ ทฤษฎี ที่เหลือก็อยู่ที่ตัวเองแล้ว ว่าอ่านอะไร ดูอะไร  แล้วอะไรพวกนั้น ก็คงแสดงออกมาในงานคุณเอง ไม่มากก็น้อย

 

 

 

5. การเป็นคนที่น่าร่วมงานด้วย

 

การได้เกรดดี แบบเอรวด ไม่ได้แปลว่างานของคุณต้องออกมาดี และใคร ๆ ก็ต้องชอบคุณ แต่การทำงานจริงมันอยู่ที่ว่า แต่ละคนสบายใจที่ จะทำงานรวมกันด้วยหรือไม่ ทัศนคติเป็นอย่างไร อีโก้สูงส่งหรือเปล่า เพราะใคร ๆ ก็คงอยากร่วมงาน ทำงานกับคนไนซ์ ๆ ที่เก่งด้วย ซึ่งหาไม่ยากแน่ ๆ ในยุคนี้ และเขาก็ไม่จำเป็นต้องง้อใครเท่าไรนักหรอก

 

6. การเลือกสรรงาน

 

อยากทำงานแบบไหน ก็จงทำ portfolio แบบนั้น อย่าได้ใส่งานที่เราไม่อยากทำลงไปในพอร์ท เพราะ เวลาเขาสัมภาษณ์ เขาก็ดูจากงานคุณนั่นเอง เพราะฉะนั้น ควรเลือกสิ่งที่จะใส่ลงไปให้ดี ที่จะบ่งบอกถึงตัวตน และอย่าใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้า จนกลายเป็นสมุดหน้าเหลือง สรุปก็คือ อยากเป็นคนแบบไหน ก็จงทำพอร์ทแบบนั้น

 

 

7. การตามใจลูกค้า

แน่นอนว่าวิชาชีพนี้ ต้องอาศัยความเป็นศิลปินในตัว แต่ก็ไม่ได้แปลว่า จะทำงานยังไงก็ได้  ชัวร์ว่า มันต้องมีบรีฟ มีสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ ซึ่งบางครั้งมันก็ไม่ตรง กับ สิ่งที่คุณอยากทำ แต่ก็อยากให้จำไว้ว่า ทำงาน ไม่ได้ทำ portfolio ที่จะแสดงความเป็นตัวเองได้เต็มที่ หนักมือสุดๆ  แต่ ลูกค้าเป็นคนจ่ายเงิน เขาก็ต้องอยากได้สิ่งในหัวเขาเองอยู่แล้ว ที่คุณควรทำคือจะทำยังไงให้ ประนีประนอมกันที่สุด คือ ยังทำตามใจลูกค้าได้ และ ไม่เกลียดงานตัวเองเท่านั้นแหละ

 

8. เอกลักษณ์

 

งานของคนบางคน ดูปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าใครทำ ใครวาด ซึ่งบางครั้งการดูงานของคนอื่นเยอะ ๆ ก็อาจจะทำให้งานออกมาคล้ายกับงานของชาวบ้านไม่รู้ตัว เพราะนั้น จงหาเอกลักษณ์เฉพาะตัวในงานของตัวเอง ลายเซ็นดี ๆ ที่พอใครเห็นก็รู้ทันทีว่างานชิ้นนั้นเป็นงานของคุณ

 

 

9. ตรงต่อเวลา

 

แน่นอนว่าการทำงานส่งอาจารย์ก็ต้องมีเดดไลน์ แต่การทำงานส่งลูกค้านั้น เดดไลน์มันจะมีผลกระทบที่ไม่ใช่แค่คุณคนเดียว หรือ แค่คะแนนของคุณ แต่มันส่งผลเป็นโดมิโน่ไปยังเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ไหนจะ process การทำงานของคนที่ทำต่อ

 

หรือ ลูกค้าของลูกค้าอีกที ฯลฯ เพราะนั้น นี่คือสิ่งที่สำคัญ เดดไลน์ในมหา’ลัยพยายามฝึกคุณแน่ แต่ มันก็ไม่ได้ทำได้ง่าย ๆ ใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นกราฟฟิกหลายคนคงไม่เป็นหมีแพนด้ามาถึงจวบจนทุกวันนี้

 

 

 

 

ทั้ง 9 ข้อนี้ก็เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยคร่าว ๆ ที่ FreelanceBay.com ได้รวบรวมมาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน

 

ซึ่งในการทำงานนั้นยังมีประสบการณ์อีกมากมายรอให้คุณค้นพบ สุดท้ายไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กมหา’ลัยอยู่ หรือจบมาทำงานแล้วจนหง่อมแล้วก็ตาม แต่ก็ขอให้ตั้งใจทำงาน ตอบคำถามตัวเองให้ได้ และ อย่าลืมตัวช่วยที่จะทำให้ชีวิตการเป็นดีไซนเนอร์ง่ายขึ้นด้วย เว็บคู่ใจฟรีแลนซ์อย่าง FreelanceBay.com กันนะ