นับเป็นอุตสาหกรรมที่แข่งขันกันดุเดือดไม่น้อย กับการลงโฆษณาในสื่อ Social Media ที่เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในโลกยุคปัจจุบัน โดยผลวิจัยล่าสุดจากบริษัท Emarketer ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยทางด้านการตลาด ได้รายงานผลการวิจัยว่าแพล็ตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram นั้นมีแนวโน้มที่จะมีผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นในปี 2017 และอาจแซง Twitter ได้ในไม่ช้า ในขณะที่ Twitter นั้นต้องพยายามที่จะรักษาฐานผู้ใช้งานเดิมไว้ให้ได้อย่างยากลำบากไม่น้อย
โดยจากรายงานผลวิจัยดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่า ในปีหน้าจะมีแบรนด์จำนวนมากที่หันมาซื้อโฆษณาใน Instagram ซึ่งเป็นหนึ่งในแพล็ตฟอร์มของ Facebook เพิ่มขึ้นกว่าเดิม โดยคาดการณ์ว่า 3 ใน 4 ของบริษัทในสหรัฐฯ ที่มีพนักงาน 100 คนขึ้นไป จะหันมาใช้ Instagram สำหรับทำการตลาดในปี 2017 มากกว่าครึ่งหนึ่งของปีนี้เล็กน้อย ขณะที่ความนิยมของการโฆษณาผ่าน Instagram นั้น คาดว่าน่าจะยังทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 66% ตามข้อมูลของบริษัท ซึ่งพบว่าการเติบโตของจำนวนแบรนด์ที่ลงโฆษณากับ Twitter นั้นมีการเติบโตน้อยกว่า 2% ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา
ซึ่งตัวเลขที่ได้นั้นสอดคล้องกับผลวิจัยจาก RBC Capital ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยพบว่ามีนักการตลาดจำนวนมากที่วางแผนในการลดการซื้อโฆษณากับ Twitter ลง ซึ่งจากผลวิจัยนี้ ได้นำไปสู่การปลดพนักงานของ Twitter ในที่สุดดหลังจากที่พบว่า Twitter นั้นมีการเติบโตของผู้ใช้งานลดลง และล้มเหลวในการดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้งานให้กลับมาซื้อโฆษณานั่นเอง
ในทางกลับกันในส่วนของโฆษณา Instagram นั้น พบว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีจำนวนผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในปีนี้ หรือมากกว่า 5 แสนรายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ตรงกันกับ Facebook ที่มียอดผู้ลงโฆษณาในโมบายล์แพล็ตฟอร์มอย่างมหาศาล ทว่า Emarketer กลับระบุว่า Facebook นั้นอาจมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ในปีหน้า จาก 85.3% เป็น 85.8% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของผู้บริหาร ที่บริษัทน่าจะใกล้ถึงจุดอิ่มตัวของตลาดแล้ว
นอกจากนี้ผลวิจัยจาก Emarketer ยังได้แยกโฆษณาจาก YouTube ออกมาจากรายงานดังกล่าว ในฐานะที่เป็นอีกหนึ่งแพล็ตฟอร์มการโฆษณา ที่มีการเติบโตแบบขึ้นๆ ลงๆ แม้จะมีการคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตจาก 45.6% เป็น 48.2% ก็ตาม
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมโฆษณาใน Instagram นั้นถึงได้รับความนิยมอย่างมากจากแบรนด์ต่างๆ แม้จะเพิ่งเปิดให้ลงโฆษณาได้เพียงไม่นาน ทั้งนี้การลงโฆษณาในแพล็ตฟอร์มต่างๆ นั้น ต่างก็มีจุดแข็ง - จุดด้อย ในตัวของมันเอง ซึ่งนักการตลาดที่เก่งๆ ย่อมรู้ดีว่าแพล็ตฟอร์มใดที่ใช้ได้ดีสำหรับสินค้าของตัวเอง ถึงแม้ Twitter จะมีการเติบโตที่ทรงตัว แต่ก็ยังคงใช้ได้ดีกับสินค้าบางประเภท ซึ่ง Instagram อาจไม่ใช่ช่องทางที่เหมาะสมสำหรับสินค้านั้นๆ ก็เป็นได้